วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553

โครงการพัฒนาความฉลาด   4     ด้าน
สำหรับวัยรุ่นไทย
ปีการศึกษา    2553



โรงเรียนแกศึกษาพัฒนา
ตำบลแก  อำเภอรัตนบุรี
เครือข่ายโรงเรียนมัธยมศึกษาที่  3
สำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา   เขต  33

ความเป็นมา
จากที่สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น  กรมสุขภาพจิต ได้จัดโครงการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทย    IQ   และ  EQ   และได้คัดเลือกโรงเรียนแกศึกษาพัฒนา  เป็นตัวแทนภาคอีสานเพื่อเข้าร่วมโครงการในปี  2553  ทำให้นักเรียนได้รับโอกาสดี  ไปเข้าค่ายอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาความฉลาด 4 ด้าน สำหรับวัยรุ่นไทย ณ โรงแรมเวียนนาการ์เด้นท์รีสอด จ.นครราชสีมา  ระหว่างวันที่  14-16 พฤษภาคม  2553  ในการประชุมดังกล่าว  ได้ส่งเสริมให้นักเรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์  โดยจัดให้มีการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อเตรียมการจัดการโครงการจิตอาสา  เพื่อสร้างเครือข่ายเด็กและเยาวชนพัฒนาความฉลาด  4  ด้าน  ในเดือนกรกฎาคม  2553   โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนแกนนำที่ผ่านการอบรมดังกล่าว  ได้นำความรู้ที่ได้มาใช้ในการจัดกิจกรรม  เกิดกระบวนการทำงานร่วมกันภายใต้ความฉลาดทั้ง  4  ด้าน  คือ  ฉลาดคิด  ฉลาดทำ  ฉลาดสัมพันธ์   และฉลาดใจ

วัตถุประสงค์
1.      เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างนักเรียนได้ใช้ความรู้ ความเข้าใจ เกิดทักษะ  และอยากถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาสติปัญญาวัยรุ่นไทย เรื่อง  การจัดค่ายเยาวชนเด็กสร้างเครือข่ายพัฒนาความฉลาด 4 ด้าน สำหรับวัยรุ่นไทย
2.      เพื่อขยายโอกาสให้นักเรียนคนอื่น ๆ  เข้ารับการฝึกอบรมและทางด้านการพัฒนาความฉลาด 4 ด้าน
3.      เพื่อพัฒนาให้นักเรียนรู้จักกระบวนการทำงาน  เกิดภาวะผู้นำ  ความรับผิดชอบ และมีจิตอาสางานต่างๆ




นักเรียนได้ทำกิจกรรมกลุ่ม  ระดมความคิด

วิธีดำเนินการ 
                ค่ายที่   1  ระหว่างวันที่  10-14  กุมภาพันธ์  2553    โดย คัดเลือกตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  จำนวน   12  คน  ซึ่งเป็นครูในโรงเรียนแกศึกษาพัฒนา  จำนวน   6   คน  เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์  2  คน  เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอรัตนบุรี    จำนวน  3  คน  และเจ้าสาธารณสุขตำบลแก   จำนวน  1  คน   รวมทั้งสิ้น   6  คน  เข้าอบรมเชิงปฏิบัติการการเป็นวิทยากรค่ายพัฒนาความฉลาด  4   ด้าน  ร่วมกับภาคอื่น     อีก  3   ภาค 
                ค่ายที่   2     ระหว่างวันที่  14-16  พฤษภาคม  2553
     โดยคัดเลือกนักเรียนในโรงเรียนที่มีอายุระหว่าง15 -  17  ปี  ที่ผ่านการประเมิน  EQ  เพื่อคัดกรองนักเรียนในกลุ่มปกติ  เข้าค่ายนี้  จำนวน  50  คน  โดยมีวิทยากรที่ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการจากค่ายที่  1  เป็นผู้ดำเนินการจัดค่าย
                ค่ายที่   3   ระหว่างวันที่  30 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม 2553      โดยคัดเลือกนักเรียน อายุระหว่าง 15 -  17  ปี   ที่ผ่านการประเมิน  EQ  เพื่อคัดกรองนักเรียนในกลุ่มปกติ  เข้าค่ายนี้  จำนวน  30  คน     จากโรงเรียนแกศึกษาพัฒนา    จำนวน   20  คน  และโรงเรียนในเขตพื้นที่บริการ  คือ   โรงเรียนบ้านดงเปือย(มูลศึกษาวิทยา)     จำนวน   10   คน    โดยมีนักเรียนแกนนำกลุ่มจิตอาสาที่ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการจากค่ายที่  2  เป็นผู้ดำเนินการจัดค่าย


วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ

ใช้กระบวนการกลุ่มในการจัดทำและแก้ปัญหา  ซึ่งมีเนื้อหาสาระดังนี้
·        การรู้จักตนเองและเป้าหมายของชีวิต
·        การเรียนรู้เกี่ยวกับความฉลาด  4  ด้าน  พร้อมสัญลักษ์ 
·        พลังการดูแลกัน
·        มหัศจรรย์แห่งลมหายใจ
·         กิจกรรม Walk   rally
·        ความสุขที่แท้
·        พลังความคิดสร้างสรรค์
·        ความกตัญญูและการวางแผนชีวิต
·        กิจกรรมจิตอาสา
        โดยใช้นวั๖กรรม/เทคโนโลยี



**  Innovation   I
  **  Innovation   II


ผลการดำเนินงาน

              เกิดกระบวนการกลุ่ม  เพื่อทำกิจกรรมจิตอาสา  ทั้งหมด   5  กิจกรรม  คือ
1.  กิจกรรมค่ายเด็กเยาวชนสร้างเครือข่ายพัฒนาความฉลาด  4  ด้าน 
2.  กิจกรรมครูอาสา  สอนนักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
3.  กิจกรรมปลูกป่าลดภาวะโลกร้อน
4.  กิจกรรมชวนน้องเข้าวัด
5.  กิจกรรมกำจัดลูกน้ำยุงลาย
จากกิจกรรมจิตอาสา  ทำให้นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์  ดังนี้
ด้านคุณธรรม  จริยธรรม   นักเรียน   มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น  รู้จักคิดวิเคราะห์แยกแยะสิ่งที่ควรปฏิบัติและสิ่งที่ควรปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา   มีความละอาย  มีจิตสำนึกอาสามากขึ้น  ความเห็นได้ตัวลดลง  ซึ่งมาจากการปรับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน กล่าวคือ    คณะกรรมการเครือข่ายโรงเรียน   เครือข่ายห้องเรียน     สภากรรมการนักเรียน    คณะสีต่าง ๆ ให้เฝ้าระวังและ
ดูแลกันเองช่วยเหลือฝ่ายปกครองของโรงเรียน
              ด้านกระบวนการคิดแก้ปัญหา     นักเรียนและครูใช้กระบวนการกลุ่มในการเรียนการสอนและการปฏิบัติงาน   โดยออกแบบให้แต่ละกลุ่มได้ร่วมกันคิด  วิเคราะห์   วางแผน  ปฏิบัติงาน  ประเมินผลพร้อมการสรุปผลการปฏิบัติงานเอง   หลากหลายวิธีการ  โดยครูเป็นที่ปรึกษา       ทำให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้นขยันหมั่นเพียรทำกิจกรรมมากขึ้น  กล้าแสดงออกมากขึ้น  เพราะได้คิดเอง   ทำเอง   แก้ปัญหาเอง 

นักเรียนได้ฝึกการเป็นผู้นำ

ประวัติ วัน คริสต์มาส

คริสต์มาส คือ การฉลองการบังเกิดของพระเยซูที่เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม
คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ
ว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า"
คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี 1038
และคำนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ในภาษาไทย "คริสต์มาส" ก็มีความหมาย
เช่นกัน คำว่า "มาส" แปลว่า "เดือน"
เทศกาลคริสต์มาสจึง เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์เจ้าเป็นพิเศษ
คำว่า"มาส" คือ"ดวงจันทร์" ตีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก
เหมือนดวงจันทร์ เป็นความสว่างในตอนกลางคืน Merry X'mas คำว่า Merry
ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า"สันติสุขและความสงบทางใจ" คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น
ขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ ถือเอาประเพณีของชนในท้องถิ่นนั้น
มาประยุกต์เข้ากับศาสนา โดยจัดให้มีการฉลองเพื่อระลึก ถึงการบังเกิดของพระเยซู
ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศประเพณี นี้
ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษ ที่ 4 และ ค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป

เทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลางที่มีความจำเป็น เนื่องจากมีบทบาทต่อผู้คนในหลากหลายอาชีพ รวมไปถึงน้อง ๆ นักศึกษาที่หลายหลักสูตรต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐาน ส่วนใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการจำคำศัพท์ 'เกร็ดน่ารู้ Edutainment Zone' มีเทคนิคช่วยจำมาฝาก

จัดศัพท์เป็นหมวดหมู่ เช่น คำที่มีความสัมพันธ์กัน หรือมีความหมายตรงข้ามกัน จะช่วยให้จำศัพท์ได้ง่ายขึ้น อาจจดบันทึกใส่สมุดที่พกพาได้ เพื่อความสะดวกเมื่อต้องหยิบมาท่องในเวลาว่าง

นำศัพท์มาใช้บ่อย ๆ ทำให้เกิดความเคยชิน จะจำได้แม่นยำขึ้น จากนั้นลองแต่งประโยคจากคำเหล่านั้น เพื่อฝึกการเรียบเรียงประโยค

จำศัพท์จากการออกเสียง อาทิ คำที่ออกเสียงคล้าย ๆ กัน นอกจากจะช่วยให้นึกถึงความหมายได้ง่ายแล้ว ยังได้รู้หลักการออกเสียงที่ถูกต้อง

ท่องศัพท์ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 10 คำ และหมั่นทบทวนบ่อย ๆ ให้คุ้นเคย หากมีโอกาสสนทนากับคนพูดภาษาอังกฤษ ควรลองนำศัพท์ไปใช้ในสถานการณ์จริง

ฝึกฟัง-อ่านภาษาอังกฤษจากข่าวหรือหนังสือต่าง ๆ แล้วสังเกตหาศัพท์ที่เคยท่อง จะช่วยให้เข้าใจเรื่องราวโดยรวมของเรื่องที่อ่านได้เร็วขึ้น

หลักการจำที่สำคัญอีกประการ คงต้องอยู่ที่ความขยันและความสม่ำเสมอในการท่อง เพื่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ที่ได้ผล.

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

ประโยชน์ ตำลึง ผักสวนครัวไทย

ตำลึงผักสวนครัว รั้วกินได้ ที่มากมายด้วยสรรพคุณทั้งเป็นยาป้องกันโรค เป็นอาหารทานแล้วมีประโยชน์สูง เพราะอุดมไปด้วยสารอาหาร

สรรพคุณ

ตำลึงอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์สูง เช่น สารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และหัวใจขาดเลือด มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และยังมีฟอสฟอรัส เหล็ก ไนอาซิน วิตามินซีและอื่นๆ นอกจากนี้ จากการค้นคว้าของสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ตำลึงมีเส้นใยอาหารที่สามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร อีกด้วย สำหรับตำรายาแผนโบราณ ตำลึงถือเป็นยาเย็น ใบช่วยขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้อาการแพ้ อักเสบ แมลงมีพิษกัดต่อย แก้แสบคัน เจ็บตา ตาแดงและตาแฉะ แก้โรคผิวหนัง และลดน้ำตาลในเลือด

ราก : แก้ดวงตาเป็นฝ้า ลดความอ้วน แก้ไข้ทุกชนิด ดับพิษทั้งปวง ฝนทาภายนอก แก้ฝีต่างๆ แก้ปวดบวม แก้พิษร้อนภายใน แก้พิษแมลงป่องหรือตะขาบต่อย
ต้น : กำจัดกลิ่นตัว น้ำจากต้น รักษาเบาหวาน
เปลือกราก : เป็นยาถ่าย ยาระบาย
เถา : แก้ฝี ทำให้ฝีสุก แก้ปวดตา แก้โรคตา แก้ตาฝ้า ตาแฉะ แก้พิษอักเสบจากลูกตา ดับพิษร้อน ถอนพิษ เป็นยาโรคผิวหนัง แก้เบาหวาน
ใบ : เป็นยาพอกรักษาผิวหนัง รักษามะเร็งเพลิง แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ แก้จุกเสียด แก้หืด รักษาผื่นคันที่เกิดจากพิษของหมามุ้ย ตำแย บุ้งร่าน ใช้เป็นยาเขียว แก้ไข้ ดับพิษร้อน ถอนพิษทั้งปวง แก้ปวดแสบปวดร้อน ถอนพิษคูน แก้คัน แก้แมลงกัดต่อย แก้ไข้หวัด แก้พิษกาฬ แก้เริม แก้งูสวัด
ผล : แก้ฝีแดง

ทั้งห้า รักษาโรคผิวหนัง รักษาอาการอักเสบของหลอดลม รักษาเบาหวาน
ใช้เป็นรักษาอาการแพ้ อักเสบ แมลงกัดต่อย เช่น ยุงกัด ถูกตัวบุ้ง แพ้ละอองข้าว โดยเอาใบสด 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ตำให้ละเอียดผสมน้ำเล็กแล้วคั้นน้ำจากใบเอามาทาบริเวณที่มีอาการพอน้ำแห้งแล้วทาซ้ำบ่อยๆจนกว่าจะหาย